ติดการพนัน
การพนัน หมายถึง การเล่นชนิดหนึ่ง โดยใช้เงินหรือสิ่งอื่นใด ด้วยการเสี่ยงโชค
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือระบุเอาไว้ว่า
ประมาณปี พ.ศ.1450 มีการเล่นการพนันที่เรียกว่า ‘กำถั่ว’ และประมาณ พ.ศ.2100 ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สมัยอยุธยามีการเล่นการพนันที่เรียกว่า ‘โป’ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม
แม้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะค่อนข้างเลือนลาง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า คนไทยนั้นนิยมเล่นการพนันเป็นอย่างมาก
ดังปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรจากบันทึกของ ‘มองสิเออร์ เดอ
ลาลูแบร์’ เอกอัครราชทูตพิเศษฝรั่งเศส ซึ่งพระเจ้า
หลุยส์ที่ 14 ส่งเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีสมัยสมเด็จพระนารายณ์
ในปี พ.ศ.2230 “ชาวสยามอยู่ข้างค่อนรักเล่นการพนันเสียเหลือเกิน
จนถึงจะยอมผลาญตัวเองให้ฉิบหายได้ ทั้งเสียอิสรภาพความชอบธรรมของตัวหรือลูกเต้าของตัวด้วย
ในเมืองนี้ใครไม่มีเงินพอจะใช้เจ้าหนี้ได้ก็ต้องขายลูกเต้าของตัวเองลงใช้หนี้สิน
และถ้าแม้ถึงเช่นนี้แล้วก็ยังมิพอเพียง ตัวของตัวเองก็ต้องกลายตกเป็นทาส การละเล่นพนันที่ไทยรักเป็นที่สุดนั้นก็คือ ติกแตก ชาวสยามเรียกว่า
สะกา...”
สำหรับรูปแบบการเล่นการพนันซึ่งเป็นนิยมกันนั้น โดยมากมักใช้ ‘สัตว์’ ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น
จิ้งหรีดและปลากัดไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น วัว ควาย หรือช้าง ทั้งนี้
สัตว์ที่มาแรงที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น ‘ไก่ชน’ โดยที่เจ้าของบ่อนจะหักเงินค่าบำรุงบ่อนอย่างน้อยร้อยละ 10 จากจำนวนเงินเดิมพัน
ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป
และประเทศไทยเริ่มติดต่อทำมาค้าขายกับชาวต่างชาติ มากขึ้น การพนันรูปแบบใหม่ๆ ก็ได้หลั่งไหลเข้ามาเพิ่มเป็นลำดับ และหนึ่งใน
การพนันที่ปรากฏขึ้นและได้รับความ นิยมคือ การเล่นถั่วโปซึ่งมีข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า
เข้ามาเป็นครั้งแรก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ระหว่างปี พ.ศ.2231-
พ.ศ.2275 อาจเป็นสมัย พระเพทราชา พระเจ้าเสือหรือพระเจ้าท้ายสระ
องค์ใดองค์หนึ่ง โดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลและรัฐก็เก็บภาษีจากการเล่นนี้
ปัญหาเกี่ยวกับการพนันในปัจจุบัน
นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความเสียหายให้แก่สังคมไทยเป็นอย่างมากด้วยผลตอบแทนที่น่าสนใจ
อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถใดๆ
ซึ่งทำให้ใครๆก็สามารถเล่นได้จึงยากแก่การขจัดให้สิ้นจากประเทศ
การเล่นการพนันก่อให้เกิดปัญหา
1.การพนันมีผลกระทบต่อสังคม
2.ประชาชนมีความหมกมุ่น
3.ไม่ยอมทำมาหากิน
4.เล่นการพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัว
5.เกิดหนี้สินมากมาย
6.อาชญากรรมมีมากขึ้น
คนที่ติดการพนัน จนระบุได้ว่าป่วย จนควรต้องพบแพทย์นั้น มีข้อสังเกตอยู่ 10 ข้อคือ...
1.หมกมุ่นอยู่กับการพนัน
2.ต้องเพิ่มเงินในการเล่นพนันเพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
3.ไม่สามารถหยุดเล่นพนันได้
4.มีอาการกระวนกระวายเวลาที่หยุดเล่นพนัน
5.ใช้การพนันเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาทางจิตใจต่างๆ
6.พอเสียเงินจากการพนันก็จะรีบหาเงินกลับมาเล่นใหม่
7.เริ่มพูดปดกับครอบครัวเพราะการพนัน
8.เริ่มทำผิดกฎหมายเพราะติดการพนัน
9.สูญเสียความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพราะการพนัน และข้อสุดท้ายคือจุดจบ
10. เกิดความหายนะกับชีวิต เพราะโรคติดพนัน
1.หมกมุ่นอยู่กับการพนัน
2.ต้องเพิ่มเงินในการเล่นพนันเพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
3.ไม่สามารถหยุดเล่นพนันได้
4.มีอาการกระวนกระวายเวลาที่หยุดเล่นพนัน
5.ใช้การพนันเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาทางจิตใจต่างๆ
6.พอเสียเงินจากการพนันก็จะรีบหาเงินกลับมาเล่นใหม่
7.เริ่มพูดปดกับครอบครัวเพราะการพนัน
8.เริ่มทำผิดกฎหมายเพราะติดการพนัน
9.สูญเสียความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพราะการพนัน และข้อสุดท้ายคือจุดจบ
10. เกิดความหายนะกับชีวิต เพราะโรคติดพนัน
การพนัน หมายถึง การเล่นชนิดหนึ่ง โดยใช้เงินหรือสิ่งอื่นใด ด้วยการเสี่ยงโชค
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือระบุเอาไว้ว่า
ประมาณปี พ.ศ.1450 มีการเล่นการพนันที่เรียกว่า ‘กำถั่ว’ และประมาณ พ.ศ.2100 ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สมัยอยุธยามีการเล่นการพนันที่เรียกว่า ‘โป’ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม
แม้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะค่อนข้างเลือนลาง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า คนไทยนั้นนิยมเล่นการพนันเป็นอย่างมาก
ดังปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรจากบันทึกของ ‘มองสิเออร์ เดอ
ลาลูแบร์’ เอกอัครราชทูตพิเศษฝรั่งเศส ซึ่งพระเจ้า
หลุยส์ที่ 14 ส่งเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีสมัยสมเด็จพระนารายณ์
ในปี พ.ศ.2230 “ชาวสยามอยู่ข้างค่อนรักเล่นการพนันเสียเหลือเกิน
จนถึงจะยอมผลาญตัวเองให้ฉิบหายได้ ทั้งเสียอิสรภาพความชอบธรรมของตัวหรือลูกเต้าของตัวด้วย
ในเมืองนี้ใครไม่มีเงินพอจะใช้เจ้าหนี้ได้ก็ต้องขายลูกเต้าของตัวเองลงใช้หนี้สิน
และถ้าแม้ถึงเช่นนี้แล้วก็ยังมิพอเพียง ตัวของตัวเองก็ต้องกลายตกเป็นทาส การละเล่นพนันที่ไทยรักเป็นที่สุดนั้นก็คือ ติกแตก ชาวสยามเรียกว่า
สะกา...”
สำหรับรูปแบบการเล่นการพนันซึ่งเป็นนิยมกันนั้น โดยมากมักใช้ ‘สัตว์’ ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น
จิ้งหรีดและปลากัดไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น วัว ควาย หรือช้าง ทั้งนี้
สัตว์ที่มาแรงที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น ‘ไก่ชน’ โดยที่เจ้าของบ่อนจะหักเงินค่าบำรุงบ่อนอย่างน้อยร้อยละ 10 จากจำนวนเงินเดิมพัน
ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป
และประเทศไทยเริ่มติดต่อทำมาค้าขายกับชาวต่างชาติ มากขึ้น การพนันรูปแบบใหม่ๆ ก็ได้หลั่งไหลเข้ามาเพิ่มเป็นลำดับ และหนึ่งใน
การพนันที่ปรากฏขึ้นและได้รับความ นิยมคือ การเล่นถั่วโปซึ่งมีข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า
เข้ามาเป็นครั้งแรก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ระหว่างปี พ.ศ.2231-
พ.ศ.2275 อาจเป็นสมัย พระเพทราชา พระเจ้าเสือหรือพระเจ้าท้ายสระ
องค์ใดองค์หนึ่ง โดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลและรัฐก็เก็บภาษีจากการเล่นนี้
ปัญหาเกี่ยวกับการพนันในปัจจุบัน
นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความเสียหายให้แก่สังคมไทยเป็นอย่างมากด้วยผลตอบแทนที่น่าสนใจ
อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถใดๆ
ซึ่งทำให้ใครๆก็สามารถเล่นได้จึงยากแก่การขจัดให้สิ้นจากประเทศ
การเล่นการพนันก่อให้เกิดปัญหา
1.การพนันมีผลกระทบต่อสังคม
2.ประชาชนมีความหมกมุ่น
3.ไม่ยอมทำมาหากิน
4.เล่นการพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัว
5.เกิดหนี้สินมากมาย
6.อาชญากรรมมีมากขึ้น
คนที่ติดการพนัน จนระบุได้ว่าป่วย จนควรต้องพบแพทย์นั้น มีข้อสังเกตอยู่ 10 ข้อคือ...
1.หมกมุ่นอยู่กับการพนัน
2.ต้องเพิ่มเงินในการเล่นพนันเพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
3.ไม่สามารถหยุดเล่นพนันได้
4.มีอาการกระวนกระวายเวลาที่หยุดเล่นพนัน
5.ใช้การพนันเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาทางจิตใจต่างๆ
6.พอเสียเงินจากการพนันก็จะรีบหาเงินกลับมาเล่นใหม่
7.เริ่มพูดปดกับครอบครัวเพราะการพนัน
8.เริ่มทำผิดกฎหมายเพราะติดการพนัน
9.สูญเสียความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพราะการพนัน และข้อสุดท้ายคือจุดจบ
10. เกิดความหายนะกับชีวิต เพราะโรคติดพนัน
1.หมกมุ่นอยู่กับการพนัน
2.ต้องเพิ่มเงินในการเล่นพนันเพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
3.ไม่สามารถหยุดเล่นพนันได้
4.มีอาการกระวนกระวายเวลาที่หยุดเล่นพนัน
5.ใช้การพนันเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาทางจิตใจต่างๆ
6.พอเสียเงินจากการพนันก็จะรีบหาเงินกลับมาเล่นใหม่
7.เริ่มพูดปดกับครอบครัวเพราะการพนัน
8.เริ่มทำผิดกฎหมายเพราะติดการพนัน
9.สูญเสียความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพราะการพนัน และข้อสุดท้ายคือจุดจบ
10. เกิดความหายนะกับชีวิต เพราะโรคติดพนัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น